สำหรับนักเรียน
ไม่ได้ เพราะการสอบ GAT/PAT ได้กำหนดคุณสมบัติของผู้ที่จะสมัครสอบ ณ วันสอบว่าต้องเป็นผู้ที่กำลังศึกษาอยู่ในระดับชั้น ม.6 หรือเทียบเท่า หรือเป็น ผู้ที่จบการศึกษาระดับชั้น ม.6 ขึ้นไปเท่านั้น
ถ้าผู้สมัครสอบลืมรหัสผู้ใช้งาน หรือรหัสผ่าน ดำเนินการได้ดังนี้
วิธีที่ 1 เข้าระบบและเลือกเมนู ผู้สมัครรายเก่า
เข้าระบบและเลือกเมนู ผู้สมัครรายเก่า ต้องการสอบถามรหัสผู้ใช้งานหรือรหัสผ่าน (วิธีนี้ผู้สมัครสอบต้องจำคำถามและคำตอบเมื่อลืมรหัสผ่านได้)
วิธีที่ 2 โทรศัพท์สอบถามในระบบโทรศัพท์อัตโนมัติของ สทศ.
โทรศัพท์ที่เบอร์ 02-217-3800 เมื่อมีเสียงตอบรับแล้วให้ดำเนินการ ดังนี้
- กด 1 เพื่อสอบถามเกี่ยวกับระบบ GAT/PAT
- กด 1 อีกครั้ง เพื่อตรวจสอบชื่อผู้ใช้ และรหัสผ่าน
- ทำตามขั้นตอน โดยกดเลขประจำตัวประชาชน 13 หลัก ตามด้วย #
-
ระบบจะประมวลผล ถ้าเจอ ระบบจะถามว่า ถ้าทราบรหัสผู้ใช้ กด 1 ไม่ทราบ กด 2
- กรณีกด 1 ระบบจะให้กดรหัสผู้ใช้งาน 10 หลักแล้วตามด้วย # ระบบก็จะแจ้งรหัสผ่านให้
- กรณีกด 2 ระบบจะให้กด วัน เดือน ปีเกิด แล้วตามด้วย # ระบบก็จะแจ้งรหัสผู้ใช้งาน และรหัสผ่านให้
วิธีที่ 3 สอบถามที่เคาน์เตอร์เซอร์วิส (วิธีนี้ต้องเสียค่าบริการด้วย)
สอบถามที่เคาน์เตอร์เซอร์วิส (วิธีนี้ต้องเสียค่าบริการด้วย)
- ผู้สมัครสอบต้องยื่นบัตรประจำตัวประชาชนให้พนักงานและแจ้งความจำนงค์ว่าต้องการขอรหัสผ่าน GAT/PAT ของ สทศ.
- กรณีพนักงานไม่ทราบว่าต้องดำเนินการอย่างไร ให้แจ้งว่า ให้เปิดแผ่นผู้ว่าจ้าง และหา Barcode สถาบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ (องค์การมหาชน) GAT/PAT และให้พนักงานยิง Barcode
- พนักงานจะแจ้งรหัสผู้ใช้งาน และรหัสผ่านให้เป็นแผ่นสลิป พร้อมให้ผู้สมัครสอบเสียค่าบริการ 20 บาท (ยังไม่รวมค่าธรรมเนียม)
กรณีชาวต่างประเทศที่มีคุณสมบัติครบถ้วนตามที่ระบุ แต่ไม่มีเลขประจำตัวประชาชนประสงค์จะสมัครสอบให้ดำเนินการ ดังนี้
- กรอกรายละเอียดตามแบบคำขอลงทะเบียนสมัครสอบ GAT และ PAT ประจาปีการศึกษา 2559 สำหรับผู้สมัครสอบ (รายใหม่) ที่เป็นชาวต่างประเทศ ที่ไม่มีเลขประจำตัวประชาชน (แบบคำขอลงทะเบียนจะแนบท้ายประกาศ รับสมัครสอบ)
- แนบสำเนาหลักฐานหน้าแรกของหนังสือเดินทาง (Passport) ที่มีรูปถ่าย และข้อมูลของผู้ถือหนังสือและลงนามรับรองสำเนาถูกต้อง
-
จัดส่งเอกสารมายัง สทศ. ตามช่องทาง ดังนี้
-
ยื่นด้วยตนเอง ณ ที่ทำการ สทศ. อาคารพญาไทพลาซ่า ชั้น 36
- วันทำการตั้งแต่เวลา 08.30 - 18.00 น.
- วันหยุดทำการ (วันเสาร์ อาทิตย์และวันหยุดนักขัตฤกษ์) ตั้งแต่เวลา 08.30 - 16.00 น. (เฉพาะช่วงการรับสมัครสอบ)
- ทางโทรสาร หมายเลข 02-219-2996 ระบบอัตโนมัติ
-
ทางไปรษณีย์ จ่าหน้าซอง
กลุ่มงานบริการการทดสอบสถาบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ (องค์การมหาชน)
128 อาคารพญาไทพลาซ่า ชั้น 36 ถนนพญาไท
แขวงทุ่งพญาไท เขตราชเทวี กรุงเทพฯ 10400
-
ยื่นด้วยตนเอง ณ ที่ทำการ สทศ. อาคารพญาไทพลาซ่า ชั้น 36
เนื่องจาก สทศ. ได้จัดการทดสอบให้น้องๆ ที่มีความบกพร่องทางสายตา การได้ยิน และทางร่างกาย โดยแบ่งเป็น 6 ประเภท และมีการเตรียมการ จัดการทดสอบให้ตามความเหมาะสม ดังนี้
001 |
ตาบอดต้องการข้อสอบอักษรเบรลล์ (ภาษาอังกฤษตัวเต็ม) ผู้ที่ตาบอด และอ่านอักษรเบรลล์ได้ โดยวิชาภาษาอังกฤษใช้ตัวเต็ม ให้เลือกประเภทนี้ |
002 |
ตาบอดต้องการข้อสอบอักษรเบรลล์ (ภาษาอังกฤษตัวย่อ) ผู้ที่ตาบอด และอ่านอักษรเบรลล์ได้ โดยวิชาภาษาอังกฤษใช้ตัวย่อ ให้เลือกประเภทนี้ |
001 และ 002 สทศ. จะเตรียมข้อสอบอักษรเบรลล์ (ยกเว้นวิชาภาษาต่างประเทศ PAT 7) ผู้ช่วยฝนกระดาษคาตอบ และจัดให้อยู่ในห้องพิเศษที่แยกจากห้องสอบปกติ
003 |
ตาเลือนราง ต้องการข้อสอบอักษรขยาย ผู้ที่ตาเลือนราง และไม่สามารถอ่านตัวหนังสือขนาดปกติได้ (ไม่ใช่สายตาสั้นแล้วใส่แว่นนะ) ให้เลือกประเภทนี้ สทศ. จะเตรียมข้อสอบที่ขยายตัวอักษรใหญ่เป็นพิเศษให้ ผู้ช่วยฝนกระดาษคาตอบ (กรณีที่ต้องการ) และจัดให้อยู่ในห้องพิเศษที่แยกจากห้องสอบปกติ |
004 |
ตาบอด/ตาเลือนรางต้องการผู้ช่วยอ่าน ผู้ที่ตาบอด และไม่สามารถอ่านอักษรเบรลล์ได้ หรือผู้ที่ตาเลือนราง จนไม่สามารถอ่านหนังสือเองได้ ต้องมีผู้ช่วยอ่านข้อสอบให้ให้เลือกประเภทนี้ สทศ. จะเตรียมผู้ช่วยอ่านข้อสอบ ผู้ช่วยฝนกระดาษคาตอบ และจัดให้อยู่ในห้องพิเศษที่แยกจากห้องสอบปกติ |
005 |
พิการทางร่างกายต้องการผู้ช่วยพาเดินเข้าห้องสอบ ผู้ที่มีความบกพร่องทางร่างกายและต้องการให้อานวยความสะดวกในการเดินเข้าห้องสอบได้ให้เลือกประเภทนี้ สทศ. จะประสานสนามสอบให้ดูแลตามความเหมาะสม |
006 |
บกพร่องทางการได้ยิน ผู้ที่มีความบกพร่องทางการได้ยิน ให้เลือกประเภทนี้ เพื่อให้ สทศ. ประสานสนามสอบให้ดูแลตามความเหมาะสม |
การกรอกข้อมูลกรณีนี้จะอยู่ตรงหัวข้อ "ความต้องการพิเศษ" ดังนั้น ขอให้เลือกประเภทให้ถูกต้องตรงตามความเป็นจริง และความต้องการของผู้สมัครสอบเอง และตรวจสอบความถูกต้องก่อนการสมัครสอบ สทศ. จะยึดตามข้อมูลที่ผู้สมัครสอบกรอกไว้ในระบบ
ระวัง!!! ผู้ที่ไม่ได้มีความบกพร่อง แล้วให้ข้อมูลว่าบกพร่องไว้ อาจจะต้องสอบด้วยข้อสอบพิเศษที่ สทศ. จัดไว้ให้ตามที่แจ้งไว้
ถ้าเกิดกรณีที่ในช่วงสมัครสอบ สนามสอบในกรุงเทพฯ นนทบุรี ปทุมธานี เต็มทุกสนามสอบแล้วยังไม่ได้เลือกสนามสอบไว้เลย ให้ผู้สมัครคงเขต/อำเภอที่เลือกไว้ ตอนสมัครสอบ สทศ. จะจัดสนามสอบให้ผู้สมัครสอบตามเขต/อำเภอที่ระบุไว้ หรือที่ใกล้เคียง หรือที่ยังมีที่ว่างอยู่ ผู้สมัครสอบไม่จำเป็นต้องเลือกสนามสอบ ในจังหวัดอื่น หากไม่ได้ประสงค์จะไปสอบในจังหวัดนั้นๆ
หลังจากสมัครสอบไปแล้วถ้าจะเปลี่ยนแปลง หรือเพิ่มเติมรายวิชา ต้องทำอย่างไร
- สมัครสอบแล้ว แต่ยังไม่ชำระเงิน ผู้สมัครสอบสามารถสมัครสอบใหม่ได้ โดยเลือกวิชาที่จะสอบใหม่ และพิมพ์ใบจ่ายเงินใบล่าสุดไปชำระเงินเท่านั้น หากผู้สมัครสอบสมัครสอบใหม่แต่ใช้ใบชำระเงินใบเดิม สถานะการชำระเงินของผู้สมัครสอบจะไม่เปลี่ยนแปลงต้องติดต่อ สทศ. ทันที
- สมัครสอบและชำระเงินแล้ว ให้ผู้สมัครสอบสมัครสอบเฉพาะวิชาที่ต้องการเพิ่มเติมเท่านั้น และพิมพ์ใบชำระเงินไปชำระเงิน ระบบจะรวมวิชาทุกใบสมัครที่ชำระเงินแล้วให้เองอัตโนมัติ สำหรับการเปลี่ยนแปลงรายวิชาไม่สามารถดำเนินการได้ ต้องสมัครสอบเพิ่มเติมเท่านั้น
- ต้องการเปลี่ยนแปลงรายวิชาภาษาต่างประเทศ (PAT 7) หลังจากชำระเงินแล้ว ให้ผู้สมัครสอบยื่นคำร้องพร้อมเหตุผลที่ขอเปลี่ยนรายวิชามายัง สทศ. สทศ. จะพิจารณาตามความจำเป็น และจะดำเนินการเปลี่ยนแปลงให้หากเห็นเหตุสมควร
การแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลของผู้สมัครสอบในระบบ แบ่งเป็น
- ข้อมูลที่ผู้สมัครสอบไม่สามารถแก้ไขได้เอง คือ 1) คำนำหน้าชื่อ 2) ชื่อ 3) นามสกุล และ 4) เลขประจำตัวประชาชน ผู้สมัครสอบต้องส่งเอกสารมายัง สทศ. ทางไปรษณีย์ หรือไปรษณีย์อิเลคทรอนิกส์ e-mail : testingservice@niets.or.th สทศ. จะดำเนินการแก้ไขข้อมูลหลังจากได้รับเอกสารที่ครบถ้วนและสมบูรณ์ ไม่เกิน 2 วัน
- ข้อมูลอื่นๆ ในระบบ นอกจากข้อมูลตามข้อ 1 ผู้สมัครสอบ สามารถแก้ไขข้อมูลได้เองในระบบส่วนบุคคล
การดำเนินการแก้ไขข้อมูลต้องดำเนินการภายในระยะเวลาที่ สทศ. กำหนด
กรณีที่กดพิมพ์ใบจ่ายเงิน หรือบัตรแสดงข้อมูลสถานที่สอบ เลขที่นั่งสอบ แล้วไม่ปรากฎหน้าจอใหม่ ให้ดำเนินการดังนี้
-
ให้ผู้สมัครสอบเลือกเมนูด้านบนคำว่า TOOLS
-
ไปที่ POP UP BLOCKER แล้วเลือกคำว่า TURN OFF POP UP BLOCKER
- แล้วกดคำว่า พิมพ์
-
หลังจากกดคำว่า “พิมพ์” จะปรากฎหน้าจอใหม่ ดังภาพด้านล่างนี้
GAT เป็นการสอบที่ดูว่านักเรียนคนหนึ่งมีความพร้อมในการจะเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยมากน้อยแค่ไหน |
PAT เป็นการสอบที่จะดูว่านักเรียนคนหนึ่งมีแววจะเข้าสู่เส้นทางอาชีพในคณะที่เลือกไหม |
ที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย (ทปอ.) ได้มีมติให้เปลี่ยนแปลงองค์ประกอบ ในการคัดเลือกบุคคลเข้าศึกษาต่อในสถาบันอุดมศึกษา (Admissions) ในปีการศึกษา 2553 จากเดิมที่กำหนดให้ใช้คะแนนการทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติขั้นสูง (A-NET) ซึ่งจัดสอบ โดยสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษาเป็นการใช้ผลการสอบวิชาความถนัดทั่วไป (GAT) และความถนัดทางวิชาการและวิชาชีพ (PAT) และขอความร่วมมือให้ สทศ. เป็นผู้ดำเนินการจัดการทดสอบ สทศ. จึงได้รับเป็นหน่วยงานกลางในการดำเนินการจัดการทดสอบตั้งแต่ ปี พ.ศ. 2552 เป็นต้นมา
“ที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย” หรือ ทปอ. คือ องค์การในลักษณะที่เป็นองค์ประชุม หรือที่ประชุม ซึ่งประกอบด้วย อธิการบดีและรองอธิการบดีมหาวิทยาลัย/สถาบันสมาชิก ปัจจุบันมีสมาชิกรวมทั้งสิ้น 27 สถาบัน
(ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.cupt-thailand.net)
|
คุณสมบัติของผู้ที่จะเข้ารับการทดสอบ GAT/PAT จะต้องเป็นผู้ที่กาลังศึกษาอยู่ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 หรือเทียบเท่า หรือผู้ที่จบการศึกษาตั้งแต่ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ขึ้นไปเท่านั้น
น้องๆ ที่กำลังเรียนในระดับชั้นอื่นๆ ที่ไม่ใช่ ม.6 สทศ. ไม่อนุญาตให้เข้าสอบ และหากน้องๆ กรอกข้อมูลในระบบรับสมัครว่าเป็น นักเรียน ชั้น ม.6 หรือสูงกว่า ถือว่าเป็นการให้ข้อมูลที่ไม่ตรงตามความเป็นจริง เป็นความผิดด้วยนะ
|
GAT/PAT เริ่มสอบมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2552 โดยจัดสอบ จานวน 3 ครั้ง คือเดือนมีนาคม เดือนกรกฎาคม และเดือนตุลาคม จนมาปีการศึกษา 2555 สทศ. ได้จัดสอบ GAT/PAT จำนวน 2 ครั้งต่อปี โดยส่วนใหญ่จะกำหนดการสอบ ครั้งที่ 1 ช่วงปลายปีและครั้งที่ 2 ช่วงเดือนมีนาคมของปีถัดไป แต่มีบางปีที่เกิดเหตุการณ์ภัยธรรมชาติและสถานการณ์การเมืองทำให้ต้องเลื่อนการสอบไป สำหรับในปีการศึกษา 2559 สทศ. จัดสอบตามมติ ที่ประชุม ทปอ. โดยครั้งที่ 1 ในช่วงปลายเดือนตุลาคม 2558 และครั้งที่ 2 เดือนมีนาคม 2559