ไทย​ English   การแสดงผล
C
C
C

ข้อมูลข่าวสาร

ดันปฏิรูปการศึกษาวาระแห่งชาติ

25 เม.ย. 2557 10:45 น.

ผู้อ่าน

 

วันนี้ (24 เม.ย.) ที่โรงแรมเอบีน่าเฮ้าส์ สมาคมสภาการศึกษาทางเลือก(สกล.) ร่วมกับ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ(สสส.) และภาคีเครือข่าย จัดเวทีสมัชชาเพื่อขับเคลื่อนการปฏิรูปการศึกษา เพื่อเสนอแนวทางปฏิรูปการศึกษาที่ได้จากเวทีระดมความคิดเห็นของ 8 เครือข่าย โดยนายชัชวาลย์ ทองดีเลิศ เลขาธิการ สกล. กล่าวว่า ข้อเสนอที่จะช่วยแก้ไขปัญหา และพัฒนาระบบการศึกษาไทยมี 7 แนวทาง ได้แก่ 1.ปฏิรูปการกระจายอำนาจ โดยต้องกระจายอำนาจจัดการศึกษาให้ชุมชน ท้องถิ่น ให้ทุกพรรคการเมืองจัดทำแผนการศึกษา และทำสัตยาบันร่วมกัน เพื่อให้นโยบายการศึกษาต่อเนื่อง ไม่ถูกแทรกแซงจากการเมือง 2.ปฏิรูปนโยบาย แก้ไข พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ ให้เชื่อมกันตั้งแต่ปฐมวัยถึงมหาวิทยาลัย 3.ปฏิรูปการบริหารจัดการ ทั้งหลักสูตร ตัวชี้วัด ประเมินผล และการจัดสรรงบประมาณ 4.ปฏิรูปการสื่อสารเพื่อการศึกษา 

เลขาธิการ สกล. กล่าวต่อไปว่า 5.ปฏิรูประบบผลิตบุคลากรทางการศึกษาและบุคลากรทางการศึกษา ให้มีการปฏิรูปครูเก่า และสร้างหลักสูตรผลิตครูใหม่ จัดตั้งมหาวิทยาลัยครูแห่งชาติ โดยมุ่งเน้นคุณภาพมากกว่าปริมาณ  ครูไม่จำเป็นต้องมีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ เพื่อเปิดโอกาสให้บุคลากรในชุมชนสามารถเป็นผู้จัดการศึกษาได้ 6.ปฏิรูปกลไกการจัดการศึกษา จัดตั้งกองทุนเพื่อการศึกษา ที่รัฐสนับสนุนงบประมาณ และเปิดโอกาสให้ภาคส่วนต่างๆ สนับสนุน และ 7.ปฏิรูปเป้าหมายทางการศึกษา มุ่งเน้นพัฒนาเด็ก และเยาวชนที่คิดเป็น ทำเป็น แก้ปัญหาเป็น เรียนรู้ด้วยตนเองเป็น ทั้งนี้แนวทางดังกล่าวได้ประกาศเป็นแถลงการณ์สมัชชาเครือข่ายปฏิรูปการศึกษา เรื่อง “ข้อเสนอปฏิรูปการศึกษาไทย” เพื่อเสนอต่อรัฐบาลใหม่ให้ดำเนินการเป็นวาระแห่งชาติต่อไป

นพ.ยงยุทธ วงศ์ภิรมย์ศานติ์ รองประธานกรรมการบริหารแผนสนับสนุนสุขภาวะเด็ก เยาวชน และครอบครัว สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ สสส. กล่าวว่า ที่ผ่านมาการศึกษาไทยไม่ประสบความสำเร็จในการส่งเสริมผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษา ของผู้เรียน ประกอบกับความท้าทายใหม่ในศตวรรษที่ 21 ที่มีการแข่งขันสูง ข้อมูลสารสนเทศ และนวัตกรรมที่เพิ่มขึ้น จึงต้องการประชาชนที่มีความเป็นพลเมืองมากขึ้น การปฏิรูปการศึกษาจึงมีความจำเป็น ซึ่งไม่ใช่การปฏิรูปแบบเก่าที่ทำโดยระบบราชการอย่างเดียว แต่ต้องให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องมีส่วนร่วมให้มากที่สุด 

 

 

เครดิต นสพ.เดลินิวส์