ไทย​ English   การแสดงผล
C
C
C

ข้อมูลข่าวสาร

'ทปอ.'พร้อมแล้วรับสมัครทีแคส 62 มั่นใจไม่มีระบบล่ม

27 พ.ย. 2561 09:15 น.

ผู้อ่าน

"ทปอ."เปิดตัวระบบไอทีรับสมัครทีแคส 62 พัฒนามาอย่างดี มั่นใจไม่มีปัญหาระบบล่ม พร้อมเตือนนักเรียนอย่าให้ข้อมูลเท็จโดนตัดสิทธิ์ หมดอนาคตแน่

ภาพ 'ทปอ.'พร้อมแล้วรับสมัครทีแคส 62 มั่นใจไม่มีระบบล่ม

วันนี้(26 พ.ย.)ที่ สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา(สกอ.) ศ.ดร.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์  ประธานที่ประชุมอธิการบดีเเห่งประเทศไทย (ทปอ.) พร้อมด้วย รศ.เพ็ญรัตน์ หงษ์วิทยากร รักษาการเลขาธิการ ทปอ.  ดร.พีระพงศ์ ตริยเจริญ ผู้ช่วยเลขาธิการ ทปอ. และ ผศ.ดร.ประเสริฐ คันธมานนท์ ที่ปรึกษา ทปอ. ได้แถลงข่าวประกาศความพร้อมโค้งสุดท้ายระบบกลางการคัดเลือกบุคคลเข้าศึกษาในสถาบันอุดมศึกษา หรือ ทีแคส ปีการศึกษา 2562 พร้อมเปิดตัวระบบไอทีการรับสมัคร โดย ศ.ดร.สุชัชวีร์ กล่าวว่า ทปอ.ได้พัฒนาระบบเพื่อรองรับการสมัคร ทีแคส 62 ที่มีประสิทธิภาพสูง เน้นการเชื่อมโยงฐานข้อมูลของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งกระทรวงศึกษาธิการ(ศธ.) สถาบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ (สทศ.) เชื่อมต่อกับระบบของสถาบันอุดมศึกษาเเต่ละเเห่ง ประกอบด้วย 3 ระบบที่ดำเนินการผ่าน www.MyTCAS.com ได้แก่  1.ระบบลงทะเบียน โดยนักเรียนต้องสร้างบัญชีผู้ใช้งานส่วนตัวขึ้นเอง กำหนดใช้ Username ด้วยเลขประจำตัว 13 หลัก และกรอกรหัส 8 ตัวอักษร ซึ่งเป็นระบบกลางของการรับสมัคร ครอบคลุมการประกาศผลการคัดเลือก การยืนยันสิทธิ์เเละสละสิทธิ์ 
 
ศ.ดร.สุชัชวีร์ กล่าวต่อไปว่า  ระบบที่ 2.ระบบ AI ช่วยประเมินความเหมาะสมของสาขาเรียน ผ่าน "โปรแกรมเลือกคณะด้วย AI"ที่จะช่วยเด็กประเมินตนเองเพื่อประกอบการตัดสินใจได้  และ 3.ระบบข้อมูลข่าวสารครบวงจร หรือ TREQ(ทีเรก) เว็บไซต์ www.MyTCAS.com เป็น one stop digital service ซึ่งเปิดใช้งานอย่างไม่เป็นทางการไปเเล้วเมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ขณะนี้รวบรวมข้อมูลทีแคส รอบ 1 และรอบ 2 เรียบร้อยแล้ว โดยมีผู้เข้าระบบใช้งานกว่า 6.5 แสนครั้ง ทั้งนี้ ระบบ ทีแคส 62 พร้อมเปิดตัวใช้งานเต็มรูปแบบวันที่ 1 ธ.ค.นี้  ซึ่งมั่นใจว่าระบบการสอบคัดเลือกในปีนี้มีการพัฒนาเเละเปลี่ยนเเปลงให้ดีขึ้น จะไม่เจอปัญหาระบบล่มเหมือนปีที่ผ่านมา
 
“ปีนี้มีสถาบันอุดมศึกษาเข้าร่วม ทีแคส 62 ทั้งสิ้น 92 แห่ง เป็นสถาบันอุดมศึกษาในเครือข่าย ทปอ. 28 แห่ง  มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล 9 แห่ง มหาวิทยาลัยราชภัฏ 29 แห่ง มหาวิทยาลัยเอกชน 20 แห่ง เเละสถาบันอุดมศึกษานอกสังกัด 6 แห่ง ซึ่งขณะนี้ ทปอ.ได้รับสมัครทีแคส รอบ 1  เเละ 2 เเล้วกว่า 90% ได้รับเเจ้งที่นั่งล่าสุด รอบที่ 1 เปิดรับสมัคร 68 แห่ง 733 คณะ 7,651 สาขาวิชา รวม 122,883 ที่นั่ง  ส่วนรอบ 2 รับสมัคร 66 แห่ง 706 คณะ 6,497 สาขาวิชา รวม 94,054 ที่นั่ง  ทั้งนี้ ทปอ.กำหนดให้สถาบันอุดมศึกษาที่เข้าร่วมทุกแห่งต้องเเจ้งการรับสมัครทุกรอบให้ครบถ้วนภายในวันที่ 30 พ.ย.นี้”ประธาน ทปอ.กล่าวและว่า ทั้งนี้ขอความร่วมมือโรงเรียนทุกแห่ง ตรวจทานระเบียนผลการเรียน (ปพ.1) ที่โรงเรียนออกให้ต้องตรงกับที่ส่วนกลางส่งด้วย เพื่อจะได้ไม่มีปัญหาในการสมัคร โดยเฉพาะในรอบ 4 ที่ต้องใช้เกรดในการรับสมัคร
 
ด้าน ดร.พีระพงศ์ กล่าวว่า ในวันที่ 1 ธ.ค.นี้ ระบบ ทีแคส 62 สามารถรองรับการใช้งานได้มากขึ้น เพราะระบบมีขนาดใหญ่ขึ้นถึง4 เท่า คือ จากเดิม 30 ซีพียูเป็น 120 ซีพียู มีการแบ่งเซิร์ฟเวอร์ที่พร้อมใช้งานเป็น 3 เซิร์ฟเวอร์ ซึ่งจะทำงานสอดคล้องมีศักยภาพในการรองรับการเข้าถึงได้สูงถึง 30,000 ครั้งต่อวินาที ทปอ.มั่นใจว่าจะเพียงพอต่อการใช้งาน จึงอยากเน้นย้ำกับนักเรียน คือ ทุกคนต้องสมัครลงทะเบียนทีแคส 62 ตั้งแต่วันที่ 1 ธ.ค.เป็นต้นไป เพื่อสร้างบัญชีเข้าสู่ระบบ  62 และต้องตรวจสอบฐานข้อมูลที่บรรจุไว้ให้แน่ใจว่าเป็นข้อมูลที่ถูกต้องครบถ้วน ซึ่งบัญชีนี้ยังมีความสำคัญในการประกาศผลการรับสมัครทุกรอบ รวมถึงใช้เป็นระบบในการบริหารจัดการสิทธิ เช่น การยืนยันสิทธิ หรือสละสิทธิ ซึ่งสามารถศึกษารายละเอียดการสมัครลงทะเบียนได้จากคู่มือที่เปิดให้ดาวน์โหลดบนเว็บไซต์เช่นเดียวกัน
 
ผศ.ดร.ประเสริฐ คันธมานนท์ ที่ปรึกษา ทปอ.กล่าวว่า ขอเตือนน้อง ๆ เรื่องการปรับแก้ข้อมูลในระบบ ทีแคส 62 โดยเฉพาะการปรับแก้เกรด หากเกรดที่แก้เป็นข้อมูลเท็จ มหาวิทยาลัยจะไม่รับเข้าเรียน เพราะถือเป็นการทุจริตรูปแบบหนึ่ง และเป็นการตัดอนาคตของตนเอง รวมถึงอยากให้โรงเรียนจัดทำข้อมูล ปพ.1 ให้ถูกต้องและตรงกับข้อมูลที่ส่วนกลางส่งให้ ทปอ.ด้วย  เพราะ ทปอ.จะยึดตามใบปพ. 1 จากส่วนกลางเป็นหลัก ดังนั้น ถ้า ปพ.1 ที่เด็กมายื่นไม่ตรงกันก็ต้องกลับไปแก้ไขให้ถูกต้อง โรงเรียนเป็นผู้ถือชะตากรรมเด็กต้องทำเรื่องนี้ให้ถูก จะได้ไม่มีปัญหาในการเข้ามหาวิทยาลัย และเมื่อระบบเปิดก็ใช้อยากให้นักเรียนรีบเข้ามาสมัคร และตรวจสอบ ตรวจทานคะแนน ข้อมูลต่าง ๆ ให้ถูกต้อง ถ้ามีอะไรผิดจะได้แก้ไขกับทางโรงเรียนได้
 
ขอบคุณข่าว : เดลินิวส์