"หมออุดม"ชี้ ทีแคสปีหน้าต้องแยก กสพท.
14 มิ.ย. 2561 09:02 น.
ผู้อ่าน
วันนี้(13 มิ.ย.) ศ.นพ.อุดม คชินทร รมช.ศึกษาธิการ (ศธ.) กล่าวถึงกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เน้นย้ำถึงเรื่องการปฏิรูปการศึกษา และให้พิจารณาถึงประโยชน์และความคุ้มค่าของการสอบคัดเลือกเด็กอนุบาล ป.1 และ การสอบภาษาอังกฤษ เด็ก ป.3 ว่า สิ่งที่นายกฯ พูด ถือว่าถูกต้อง การจัดการศึกษาทั้งระบบจะต้องสอดคล้องกัน แต่ ที่ผ่านมาการศึกษาของบ้านเรายังมาไม่ถูกทาง ศธ. ต้องกลับมาคิดว่า หลักการของการศึกษาจริง ๆ คืออะไร เราต้องการอะไร และอนาคตการเรียนการสอนจะต้องไม่เน้นวิชาการมากนัก แต่ควรเน้นทักษะและสมรรถนะ เพราะเนื้อหาวิชาการสามารถเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา ซึ่งเรื่องของทักษะและสมรรถนะเป็นสิ่งที่ต้องบ่มเพาะมาตั้งแต่เด็ก สอนจากประสบการณ์จริง ชีวิตจริงไม่ใช่เรียนแต่ในห้องเรียน
รมช.ศธ.กล่าวว่า ปัญหาสำคัญ คือ ครูส่วนใหญ่ไม่เข้าใจหลักคิดที่ถูกต้องของความเป็นครู ดังนั้นอาจจะต้องมีการปรับทัศนคติของครูทั้งประเทศ ว่า อนาคตการเรียนในห้องเรียนต้อง ลดลง ศธ.ต้องปรับบทบาท ว่า ศธ. ไม่ได้เป็นเจ้าของการจัดการศึกษา แต่คนไทยทุกคนเป็นเจ้าของ เพราะฉะนั้นทุกภาคส่วนต้องมีส่วนร่วมในการจัดการศึกษา ตั้งแต่รัฐบาลที่เป็นผู้กำหนดนโยบาย ท้องถิ่นต้องจัดสรรงบฯสนับสนุน ภาคประชาชนต้องมีส่วนร่วมในการดูแลโรงเรียน และมหาวิทยาลัยท้องถิ่นก็ต้องเป็นพี่เลี้ยงดูแลโรงเรียนด้วย
ศ.นพ.อุดม กล่าวต่อไปว่า สำหรับปัญหาการรับสมัครคัดเลือกบุคคลเข้าศึกษาต่อในสถาบันอุดมศึกษา หรือ ทีแคส นั้น เท่าที่ฟัง นายกฯ ชื่นชมว่า เป็นระบบที่มีหลักการดีสามารถแก้ปัญหา ให้เด็กอยู่ในห้องเรียนจนจบหลักสูตร ลดปัญหาการวิ่งรอกสอบ ซึ่งลดค่าใช้จ่ายได้มหาศาล ที่สำคัญการไม่ให้มหาวิทยาลัยเปิดรับตรงเองก็เป็นการลดความเหลื่อมล้ำ อีกด้วย นอกจากนี้ยังเป็นครั้งแรกของการสอบเข้ามหาวิทยาลัยที่เปิดคะแนนให้เด็กได้เห็น
“จริง ๆ แล้วปัญหาที่เกิดขึ้นไม่ใช่เรื่องระบบแต่เป็นความผิดพลาดที่ไม่ถึง 10% และที่เป็นปัญหาใหญ่ก็เพราะเกิดจากการสื่อสารผ่านโซเชียล ทำให้เรื่องต่าง ๆ กระจายไปอย่างรวดเร็ว ทั้งนี้ ยืนยันว่า ทีแคสเป็นระบบที่ดี แก้ปัญหาทั้งระบบเอนทรานซ์ และ แอดมิชชันเดิมได้ แต่เมื่อเกิดข้อผิดพลาดแล้ว ทปอ. จะต้องไปปรับปรุงกระบวนการให้ดีขึ้น ซึ่งผมได้พูดคุย กับ ทปอ. แล้ว และได้มีข้อเสนอ เบื้องต้นว่า ต้องแยกกลุ่มสถาบันแพทยศาสตร์แห่งประเทศไทย (กสพท.) ออกมาเพราะเห็นแล้วว่า ทำให้เกิดปัญหากั๊กที่นั่ง และปรับให้แจ้งคะแนนเฉพาะตัวเด็ก เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาร้องเรียน รวมถึงจะต้องกระชับเวลาการรับสมัครแต่ละรอบให้สั้นลง โดยทั้ง 5 รอบไม่ ควรเกิน 2 เดือน” รมช.ศธ.ล่าวและว่า ถึงตอนนี้หากจะบอกให้ย้อนกลับไปใช้ระบบเอนทรานซ์อีก บอกเลยว่าเป็นไปไม่ได้ มีแต่เราต้องปรับปรุงกระบวนการให้ดีขึ้น
ที่มา : เดลินิวส์ https://www.dailynews.co.th/education/649107