การสอบด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ (E-Testing)
ผู้อ่าน
ความเป็นมา
สถาบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ (องค์การมหาชน) ได้ร่วมมือกับศูนย์เครือข่าย สทศ. 9 แห่ง ดำเนินการสร้างและพัฒนาระบบการทดสอบทางการศึกษาระดับชาติด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ (E-Testing) เพื่อรองรับรูปแบบการทดสอบที่หลากหลายและมีการใช้สื่อประสม(Multimedia) มาใช้ในการทดสอบทดแทนการทดสอบในรูปแบบกระดาษคำตอบที่ไม่สามารถทำได้ เช่น การฟังเสียง หรือดูภาพเคลื่อนไหว โดยมอบให้มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารีทำการวิจัยและพัฒนาการสอบด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ (E-Testing) และได้ดำเนินการติดตั้งระบบ E-Testing เพื่อใช้ในการจัดการทดสอบ ณ ศูนย์เครือข่ายของ สทศ. 9 แห่ง ประกอบด้วย
- ภาคเหนือ (มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และมหาวิทยาลัยนเรศวร)
- ภาคกลาง (ศูนย์สอบ สทศ. จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี)
- ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (มหาวิทยาลัยขอนแก่น และมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี)
- ภาคตะวันออก (มหาวิทยาลัยบูรพา)
- ภาคใต้ (มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ และมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์)
เพื่อให้การสอบด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ (E-Testing) รองรับการทดสอบอย่างกว้างขวางและมีมาตรฐาน มีผลการทดสอบเป็นที่ยอมรับตามหลักสากล สทศ. จึงมีการถ่ายทอดองค์ความรู้ในการจัดการทดสอบด้วยระบบ E-Testing ให้แก่บุคลากรที่เกี่ยวข้องกับการจัดการทดสอบในสถาบันศึกษาต่างๆ โดยมีศูนย์เครือข่ายของ สทศ. เป็นสื่อกลางในการถ่ายทอดองค์ความรู้ ให้มีความเข้าใจ และสามารถดำเนินการจัดการทดสอบด้วยระบบ E-Testing ได้อย่างเป็นมาตรฐานและมีประสิทธิภาพ
E-Testing คือ การสอบด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งผู้เข้าสอบทำแบบทดสอบผ่านคอมพิวเตอร์ แทนการทำแบบทดสอบลงในกระดาษคำตอบ และสามารถรู้ผลการทดสอบเบื้องต้นหลังจากทำข้อสอบเสร็จทันที
ระบบ E-Testing เริ่มใช้เมื่อไหร่
สทศ. เริ่มใช้การทดสอบระบบ E-Testing เป็นครั้งแรกในวันที่ 6 กันยายน 2557 โดยเป็นการทดสอบวัดสมรรถนะครูทางด้านการวัดและประเมินผลการเรียนรู้ ครั้งที่ 3 ประจำปีงบประมาณ 2556 ที่ศูนย์สอบมหาวิทยาลัยนเรศวร มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี และโรงเรียนสันติราษฎร์วิทยาลัย โดยมีกำหนดที่จะดำเนินการจัดสอบกับประเภทการสอบอื่นๆ ต่อไป
ระบบ E-Testing ดีอย่างไร
- ขยายโอกาสทางการทดสอบให้กับผู้เข้ารับการทดสอบมากยิ่งขึ้น
- ตอบสนองการจัดการทดสอบหลายครั้งได้อย่างเท่าเทียมกัน
- รองรับรูปแบบของข้อสอบที่หลากหลายและมีการใช้สื่อประสมเพื่อความสมบูรณ์ของการทดสอบ เช่น ภาพนิ่ง ภาพเคลื่อนไหว เสียงบันทึก และ วิดีทัศน์ ซึ่งการทดสอบด้วยกระดาษไม่สามารถทำได้
- ลดข้อจำกัดในเรื่องของระยะเวลา ทรัพยากร และค่าใช้จ่ายในการดำเนินการเกี่ยวกับการพิมพ์ การขนส่ง การบริหารจัดการ การตรวจ และการประมวลผล เป็นต้น
- ป้องกันการทุจริตเนื่องจากแบบทดสอบมีหลายชุดและหลายแบบฟอร์ม
- พัฒนาระบบการทดสอบให้เป็นมาตรฐานสากล และรองรับรูปแบบการทดสอบตอบสนองนานาชาติในอนาคต
สนใจเป็นสนามสอบ E-Testing?
คุณสมบัติสนามสอบ E-Testing
- มีห้องปฏิบัติการคอมพิวเตอร์
- มีระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ภายใน (LAN) ในแต่ละห้อง และสามารถเชื่อมต่อภายนอกผ่านเครือข่าย Internet มาที่ศูนย์ สทศ.
-
มีเจ้าหน้าที่คอมพิวเตอร์
- มีความสามารถวิเคราะห์ปัญหาเบื้องต้นได้ เช่น สาเหตุมาจากเครื่องคอมพิวเตอร์ เครือข่าย หรือโปรแกรม
- ต้องได้รับการอบรมเป็นผู้ดูแลระบบ E-Testing จาก สทศ.
- ควรมีระบบไฟสำรอง
- มีเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบที่สามารถติดต่อและประสานงานได้ตลอดเวลาทำการ(เวลาราชการ)
- ห้องสอบควรมีเครื่องคอมพิวเตอร์ ประมาณ 33-35 เครื่อง/ห้อง และหนึ่งสนามสอบควรจะมีห้องสอบอย่างน้อย 3 ห้อง/สนามสอบ
คุณสมบัติของเครื่องคอมพิวเตอร์
-
เครื่องแม่ข่ายคอมพิวเตอร์ (SERVER)
- หน่วยประมวลผล (CPU) 64 bit (คอมพิวเตอร์ที่ผลิตตั้งแต่ปี พ.ศ. 2553 เป็นต้นมา)
- มีหน่วยความจำ (MEMORY) อย่างน้อย 1 GB
- มีหน่วยความจำสำรอง (Harddisk) อย่างน้อย 15 กิกะไบต์
- มีจอแสดงผลความละเอียดอย่างน้อย 800X600 จุด
- มีเม้าส์ และ คีย์บอร์ด
-
เครื่องคอมพิวเตอร์ลูกข่าย (เครื่องที่ใช้ในการสอบ)
- หน่วยประมวลผล (CPU) 64 bit
- มีหน่วยความจำ (MEMORY) อย่างน้อย 512 MB
- มีจอแสดงผลความละเอียดอย่างน้อย 800X600 จุด
- มีเม้าส์ และ คีย์บอร์ด
-
อุปกรณ์เพิ่มเติม
- มีระบบสำรองไฟ (UPS)